กังวลทำไมกับชื่อสถาบัน มั่นใจซะอย่างว่ามีดีพอ
ไม่ว่าคุณจะเรียนจบมาจาก มหาวิทยาลัยรัฐบาล เอกชน ราชภัฏ ราชมงคล ฯลฯ คุณก็มีสิทธิ์ที่จะได้งานทำเหมือนกันทุกคน ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างก็ขึ้นอยู่ที่ตัวคุณเท่านั้น ว่าคุณจะมีสิ่งที่ตอบโจทย์ตรงตามความต้องการของผู้ประกอบนั้นๆ ได้มากน้อยเพียงใด วันนี้ JOBBKK.COM มีหลักการในการพิจารณาคุณสมบัติต่างๆ ในการรับบุคลากรเข้าร่วมงานของบริษัทโดยส่วนใหญ่ เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้คุณได้งานมากยิ่งขึ้นและสามารถเอาชนะคู่แข่งที่จบใหม่หรือลาออกจากที่ทำงานเดิม ที่อยู่ในตลาดแรงงานนับหลายแสนคนเลยค่ะ
1. ความรู้ ความสามารถ
การพิจารณารับบุคคลเข้ามาร่วมงานกับบริษัท บุคคลผู้นั้นจะต้องมีความรู้ ความสามารถ ในด้านที่เกี่ยวกับลักษณะงานในตำแหน่งนั้นอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงการคุยโม้ โอ้อวดเกินจริง เพื่อให้ตนเองดูดีแค่ลมปาก ทั้งๆที่จริงๆแล้วตนเองมีความรู้แค่หางอึ่ง เป็นแบบงูๆ ปลาๆ ต้องคอยดำน้ำไปเรื่อยหรือความรู้แบบฉาบฉวย แล้วไม่สามารถนำมาเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานจริงได้ ดังนั้นวิธีการที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่นิยมใช้วัดผลคือ การให้ทำแบบทดสอบหรือการทดลองงานก็ได้ เพราะเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในการสรรหาเพื่อให้ได้ผู้ที่มีความรู้ ความสามารถอย่างแท้จริงเข้ามาร่วมงานกับบริษัท
2. ประสบการณ์
เป็นหลักเกณฑ์ที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าข้อที่แล้ว คือ ประสบการณ์ในการทำงาน ที่คุณไม่สามารถหาซื้อได้จากการศึกษาภายในห้องเรียน แต่จะได้มาจากการได้ลงมือทำงานจริงเท่านั้น ซึ่งมันจะแสดงออกมาผ่านการมีเชาวน์ไวไหวพริบและสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าต่าง ๆ ได้ดี ซึ่งผู้ประกอบการทุกคนต้องการบุคคลที่มีประสบการณ์มาก่อนเป็นอันดับแรกๆ เพื่อที่จะสามารถเริ่มทำงานได้เลยทันที ไม่ต้องมานั่งสอนวิธีการทำงานใหม่ตั้งแต่เริ่มต้นทั้งหมด เนื่องจากจะทำให้เสียเวลา ดังนั้นประสบการณ์คือหนึ่งในคุณสมบัติสำคัญที่ผู้ประกอบการจะใช้ในการมองหารับพนักงานเข้ามาทำงานในแต่ละครั้ง
3. เกรดเฉลี่ยหรือผลการศึกษา
เกรดเฉลี่ยหรือผลการศึกษาเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ประกอบการการตัดสินใจ เพราะมันจะแสดงให้เห็นถึงผลคะแนนการวัดระดับความรู้ ความสามารถของผู้สมัครงานในเบื้องต้น ว่าคุณมีเหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้นๆ มากน้อยเพียงไร ซึ่งเกรดเฉลี่ยมาตรฐานตามเกณฑ์ทั่วไปที่ใช้ในการรับพิจารณาจะต้องสูงกว่า 2.50 ขึ้นไป แต่ในมุมกลับกันเกรดเฉลี่ยก็ไม่ใช่ทุกอย่างที่ใช้ในการตัดสินเสมอ หากคุณมีเกรดเฉลี่ยน้อยกว่าเกณฑ์ คุณก็ควรที่จะต้องหาคุณสมบัติเด่นๆ ในตัวคุณอย่างอื่นมาทดแทน เพื่อดึงดูดความสนใจให้ผู้ประกอบการมองข้ามเกรดเฉลี่ยนั้น แล้วตัดสินใจเลือกรับคุณเข้าร่วมงาน
4. ความซื่อสัตย์และความรับผิดชอบ
ในการทำงานสิ่งที่สำคัญมากก็คือ ความซื่อสัตย์และความรับผิดชอบ ผู้ประกอบการทุกคนย่อมต้องการบุคคลากรที่มีคุณสมบัตินี้ทั้ง 2 ประการนี้มาก เพราะถ้าสถานประกอบการใดได้บุคคลที่มีคุณสมบัตินี้ครบถ้วน จะช่วยส่งผลให้สถานประกอบการนั้น สามารถที่จะไว้วางใจให้บุคคลนั้นดูแลรับผิดชอบในเรื่องงานที่สำคัญๆ ได้ ดังนั้นการรับบุคคลเข้าร่วมงานจึงต้องมีการพิจารณาคุณสมบัติข้อนี้เป็นสำคัญด้วย แต่ในการพิจารณาผู้ประกอบการอาจจะไม่สามารถมองเห็นได้ทันทีในตอนสัมภาษณ์งานหรือเห็นค่อนข้างยาก เพราะฉะนั้นผู้ประกอบการส่วนใหญ่จึงใช้วิธีการสังเกตตอนทดลองงานแทน ถึงจะทำให้เห็นได้ชัดเจนมากกว่า
5. ลักษณะบุคลิกภาพ
ในการรับบุคคลเข้าร่วมงานมีอีกองค์ประกอบที่สำคัญคือ ลักษณะบุคลิกภาพ ซึ่งในที่นี้ไม่ได้หมายถึงคำจำกัดความแค่ความสวย ความหล่อเท่านั้น แต่เป็นความมีมารยาท มีสัมมาคารวะ มีกาละเทศะ รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ แต่งตัวสะอาด ดูดี มีความสง่างาม น่าเชื่อถือ ซึ่งทุกสิ่งที่กล่าวมานี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่ใช้ประกอบการพิจารณา ที่เค้าเรียกว่า First Impression ความประทับใจเมื่อแรกพบเห็น เพราะผู้ประกอบส่วนใหญ่จะใช้การมองและสังเกตุคุณตั้งแต่คุณก้าวเดินก้าวแรกเข้าไปในห้องสัมภาษณ์งานแล้วจะนำมาประกอบการประเมิณผลในรับคุณเข้าร่วมงาน เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการทำตัว และการกระทำของคุณเท่านั้น
6. มีมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศ
การทำงานในรูปแบบที่นิยมกันแพร่หลายในปัจจุบันคือ การทำงานแบบทีมเวิร์ค ซึ่งจะต้องอาศัยการร่วมมือกัน พึ่งพาอาศัยกันและการติดต่อประสานงานกันอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นการที่ผู้ประกอบการจะรับบุคลากรสักคน จะต้องเป็นคนที่มีมนุษยสัมพนธ์ที่ดี เพราะจะช่วยให้งานเดินคล่อง ผลงานที่ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไร้ปัญหาก่อกวน ซึ่งการตรวจสอบคุณสมบัติด้านนี้ ผู้ประกอบการจะไม่สามารถมองเห็นผลได้ชัดเจนขณะสัมภาษณ์งาน แต่ต้องเฝ้าสังเกตด้วยตาของตนเองในช่วงเวลาการทดลองงาน ว่าบุคคลผู้นั้นมีมนุษยสัมพันธ์เป็นอย่างไร สามารถเข้ากับผู้อื่นหรือทีมงานได้ดีขนาดไหน เพราะการที่ได้ใช้เวลาในการคลุกคลีกัน จะทำให้เห็นถึงลักษณะนิสัยที่แท้จริงของคนนั้นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
7. สถานบันการศึกษา
คนไทยทุกคน มักจะโดนปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กว่า “ต้องเรียนที่ดีๆ ถึงจะได้งานดีๆ ได้เงินเดือนสูงๆ” ซึ่งข้อความนี้เป็นความจริงเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะถึงแม้คุณจะเรียนที่ดี ที่โด่งดัง แต่ถ้าคุณไม่มีความตั้งใจ ความสามารถในการขวนขวายหาความรู้และการเข้าร่วมทำกิจกรรมต่างๆ คุณก็จะมีความรู้แค่ในตำราเรียนที่อาจารย์สอนหรือป้อนให้ มีแต่ EQ ไม่มี IQ ชื่อเสียงของสภาบันจึงไม่ใช่สิ่งที่การันตีได้ 100% ว่าผู้ที่สำเร็จจากสถาบันนั้นๆ มีคุณภาพคับแก้วทุกคนจริงๆ และเป็นผู้มีความรู้ความสามารถมากกว่าผู้ที่จบจากสถาบันที่มีชื่อเสียงน้อยกว่า หรือมหาวิทยาลัยเปิดทั้งหลาย เพราะกับบางคนเรียนในสถาบันที่ไม่มีชื่อเสียง กว่าจะเรียนให้ได้เกรดดีๆ แต่ละตัวหรือเรียนให้จบออกมา จะต้องใช้ความพยายามและความอดทนสูงกว่ามาก ซึ่งอาจส่งผลให้บุคคลนั้นมีความอดทนต่อแรงกดดันในการทำงานได้มากกว่าคนอื่นเสียอีก
1. ความรู้ ความสามารถ
การพิจารณารับบุคคลเข้ามาร่วมงานกับบริษัท บุคคลผู้นั้นจะต้องมีความรู้ ความสามารถ ในด้านที่เกี่ยวกับลักษณะงานในตำแหน่งนั้นอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงการคุยโม้ โอ้อวดเกินจริง เพื่อให้ตนเองดูดีแค่ลมปาก ทั้งๆที่จริงๆแล้วตนเองมีความรู้แค่หางอึ่ง เป็นแบบงูๆ ปลาๆ ต้องคอยดำน้ำไปเรื่อยหรือความรู้แบบฉาบฉวย แล้วไม่สามารถนำมาเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานจริงได้ ดังนั้นวิธีการที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่นิยมใช้วัดผลคือ การให้ทำแบบทดสอบหรือการทดลองงานก็ได้ เพราะเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในการสรรหาเพื่อให้ได้ผู้ที่มีความรู้ ความสามารถอย่างแท้จริงเข้ามาร่วมงานกับบริษัท
2. ประสบการณ์
เป็นหลักเกณฑ์ที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าข้อที่แล้ว คือ ประสบการณ์ในการทำงาน ที่คุณไม่สามารถหาซื้อได้จากการศึกษาภายในห้องเรียน แต่จะได้มาจากการได้ลงมือทำงานจริงเท่านั้น ซึ่งมันจะแสดงออกมาผ่านการมีเชาวน์ไวไหวพริบและสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าต่าง ๆ ได้ดี ซึ่งผู้ประกอบการทุกคนต้องการบุคคลที่มีประสบการณ์มาก่อนเป็นอันดับแรกๆ เพื่อที่จะสามารถเริ่มทำงานได้เลยทันที ไม่ต้องมานั่งสอนวิธีการทำงานใหม่ตั้งแต่เริ่มต้นทั้งหมด เนื่องจากจะทำให้เสียเวลา ดังนั้นประสบการณ์คือหนึ่งในคุณสมบัติสำคัญที่ผู้ประกอบการจะใช้ในการมองหารับพนักงานเข้ามาทำงานในแต่ละครั้ง
3. เกรดเฉลี่ยหรือผลการศึกษา
เกรดเฉลี่ยหรือผลการศึกษาเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ประกอบการการตัดสินใจ เพราะมันจะแสดงให้เห็นถึงผลคะแนนการวัดระดับความรู้ ความสามารถของผู้สมัครงานในเบื้องต้น ว่าคุณมีเหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้นๆ มากน้อยเพียงไร ซึ่งเกรดเฉลี่ยมาตรฐานตามเกณฑ์ทั่วไปที่ใช้ในการรับพิจารณาจะต้องสูงกว่า 2.50 ขึ้นไป แต่ในมุมกลับกันเกรดเฉลี่ยก็ไม่ใช่ทุกอย่างที่ใช้ในการตัดสินเสมอ หากคุณมีเกรดเฉลี่ยน้อยกว่าเกณฑ์ คุณก็ควรที่จะต้องหาคุณสมบัติเด่นๆ ในตัวคุณอย่างอื่นมาทดแทน เพื่อดึงดูดความสนใจให้ผู้ประกอบการมองข้ามเกรดเฉลี่ยนั้น แล้วตัดสินใจเลือกรับคุณเข้าร่วมงาน
4. ความซื่อสัตย์และความรับผิดชอบ
ในการทำงานสิ่งที่สำคัญมากก็คือ ความซื่อสัตย์และความรับผิดชอบ ผู้ประกอบการทุกคนย่อมต้องการบุคคลากรที่มีคุณสมบัตินี้ทั้ง 2 ประการนี้มาก เพราะถ้าสถานประกอบการใดได้บุคคลที่มีคุณสมบัตินี้ครบถ้วน จะช่วยส่งผลให้สถานประกอบการนั้น สามารถที่จะไว้วางใจให้บุคคลนั้นดูแลรับผิดชอบในเรื่องงานที่สำคัญๆ ได้ ดังนั้นการรับบุคคลเข้าร่วมงานจึงต้องมีการพิจารณาคุณสมบัติข้อนี้เป็นสำคัญด้วย แต่ในการพิจารณาผู้ประกอบการอาจจะไม่สามารถมองเห็นได้ทันทีในตอนสัมภาษณ์งานหรือเห็นค่อนข้างยาก เพราะฉะนั้นผู้ประกอบการส่วนใหญ่จึงใช้วิธีการสังเกตตอนทดลองงานแทน ถึงจะทำให้เห็นได้ชัดเจนมากกว่า
5. ลักษณะบุคลิกภาพ
ในการรับบุคคลเข้าร่วมงานมีอีกองค์ประกอบที่สำคัญคือ ลักษณะบุคลิกภาพ ซึ่งในที่นี้ไม่ได้หมายถึงคำจำกัดความแค่ความสวย ความหล่อเท่านั้น แต่เป็นความมีมารยาท มีสัมมาคารวะ มีกาละเทศะ รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ แต่งตัวสะอาด ดูดี มีความสง่างาม น่าเชื่อถือ ซึ่งทุกสิ่งที่กล่าวมานี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่ใช้ประกอบการพิจารณา ที่เค้าเรียกว่า First Impression ความประทับใจเมื่อแรกพบเห็น เพราะผู้ประกอบส่วนใหญ่จะใช้การมองและสังเกตุคุณตั้งแต่คุณก้าวเดินก้าวแรกเข้าไปในห้องสัมภาษณ์งานแล้วจะนำมาประกอบการประเมิณผลในรับคุณเข้าร่วมงาน เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการทำตัว และการกระทำของคุณเท่านั้น
6. มีมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศ
การทำงานในรูปแบบที่นิยมกันแพร่หลายในปัจจุบันคือ การทำงานแบบทีมเวิร์ค ซึ่งจะต้องอาศัยการร่วมมือกัน พึ่งพาอาศัยกันและการติดต่อประสานงานกันอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นการที่ผู้ประกอบการจะรับบุคลากรสักคน จะต้องเป็นคนที่มีมนุษยสัมพนธ์ที่ดี เพราะจะช่วยให้งานเดินคล่อง ผลงานที่ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไร้ปัญหาก่อกวน ซึ่งการตรวจสอบคุณสมบัติด้านนี้ ผู้ประกอบการจะไม่สามารถมองเห็นผลได้ชัดเจนขณะสัมภาษณ์งาน แต่ต้องเฝ้าสังเกตด้วยตาของตนเองในช่วงเวลาการทดลองงาน ว่าบุคคลผู้นั้นมีมนุษยสัมพันธ์เป็นอย่างไร สามารถเข้ากับผู้อื่นหรือทีมงานได้ดีขนาดไหน เพราะการที่ได้ใช้เวลาในการคลุกคลีกัน จะทำให้เห็นถึงลักษณะนิสัยที่แท้จริงของคนนั้นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
7. สถานบันการศึกษา
คนไทยทุกคน มักจะโดนปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กว่า “ต้องเรียนที่ดีๆ ถึงจะได้งานดีๆ ได้เงินเดือนสูงๆ” ซึ่งข้อความนี้เป็นความจริงเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะถึงแม้คุณจะเรียนที่ดี ที่โด่งดัง แต่ถ้าคุณไม่มีความตั้งใจ ความสามารถในการขวนขวายหาความรู้และการเข้าร่วมทำกิจกรรมต่างๆ คุณก็จะมีความรู้แค่ในตำราเรียนที่อาจารย์สอนหรือป้อนให้ มีแต่ EQ ไม่มี IQ ชื่อเสียงของสภาบันจึงไม่ใช่สิ่งที่การันตีได้ 100% ว่าผู้ที่สำเร็จจากสถาบันนั้นๆ มีคุณภาพคับแก้วทุกคนจริงๆ และเป็นผู้มีความรู้ความสามารถมากกว่าผู้ที่จบจากสถาบันที่มีชื่อเสียงน้อยกว่า หรือมหาวิทยาลัยเปิดทั้งหลาย เพราะกับบางคนเรียนในสถาบันที่ไม่มีชื่อเสียง กว่าจะเรียนให้ได้เกรดดีๆ แต่ละตัวหรือเรียนให้จบออกมา จะต้องใช้ความพยายามและความอดทนสูงกว่ามาก ซึ่งอาจส่งผลให้บุคคลนั้นมีความอดทนต่อแรงกดดันในการทำงานได้มากกว่าคนอื่นเสียอีก
แนวคิดที่กล่าวมาข้างต้นนี้ เป็นเพียงแนวคิดที่อาจช่วยให้คุณได้รับรู้ถึงคุณสมบัติที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักใช้ในการรับบุคลากรเข้าร่วมงาน ซึ่งไม่ได้อยู่แค่ภายใต้กฏเกณฑ์ที่ว่าคุณจบจากสถาบันไหนเพียงอย่างเดียว เพราะยังมีหลักเกณฑ์สำคัญกว่าอีกหลายข้อ หากคุณมีคุณสมบัติตามที่ได้กล่าวไว้ รับรองได้ว่าคุณจะสามารถคว้าโอกาส หางานที่ดี ที่เหมาะสมกับคุณ เพราะโอกาสมีไว้ให้คนที่พร้อมเสมอนะคะ
และสำหรับข่าวสารดี มีสาระ พร้อมกิจกรรม เพื่อนๆสามารถติดตามพวกเราได้ที่
